ระบบอาร์เตต้ามาแล้ว! ผ่า 5 ข้อ อาร์เซน่อล ดับ แมนฯยูไนเต็ด

มิเกล อาร์เตเต้า ผู้จัดการทีมชาวสแปนิช เริ่มค่อยๆ ปรับระบบของ อาร์เซน่อล ให้เข้ารูปเข้ารอย โดยในแมตช์รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นแล้วว่าลูกทีมของเขาเริ่มเข้าใจแท็คติกที่อยากให้เล่นกันแล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีเยี่ยมในช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้
ครึ่งแรก “เดอะ กันเนอร์ส” โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดเมื่อสามารถสร้างเกมบุกกดดันแนวรับ “ปีศาจแดง” ได้ตลอด และก็ได้สองประตูจาก นิโกล่าส์ เปเป้ และ โซคราติส แถมในครึ่งหลังพวกเขายังทำผลงานได้ดีเยี่ยมมีโอกาสที่จะกดประตูเพิ่มแต่ขาดความเฉียบคมไปหน่อย
ขณะที่เกมรับถือว่าเหนียวแน่นมากขึ้น โดยแนวรุกที่ว่าเร็วปานจรวดทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ย์ มาร์กซิยาล และ แดเนี่ยล เจมส์ อาจจะสร้างความหวือหวาในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรกองหลังของ “ปืนโต” ได้มากนัก
1. เปเป้ ฟอร์มสุดยอด
(1).jpg)
ต้องบอกเลยว่านี่คือสิ่งที่แฟนบอลอาร์เซน่อล รอคอยมานานจาก นิโกล่าส์ เปเป้ เพราะผลงานของนักเตะก่อนหน้านี้ทำให้สาวก “เดอะ กันเนอร์ส” รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อมองเห็นเม็ดเงินที่สโมสรจ่ายไป และสิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นอะไรที่เศร้าใจสุดๆ
เปเป้ ยิงไปแค่ 4 ประตู (2 ประตูในพรีเมียร์ลีก) นับตั้งแต่ที่ย้ายมาร่วมทีมเป็นสถิติสโมสรถึง 72 ล้านปอนด์ (ราว 2,736 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงที่ มิเกล อาร์เตต้า เข้ามากุมบังเหียนดูเหมือนเขาจะชื่นชมผลงานของ รีสส์ เนลสัน โดยให้ลงเล่น 2 เกมแรกที่เข้ามคุมทัพ “เดอะ กันเนอร์ส” แต่เจ้าตัวก็ยังคาดหวังจะได้เห็นพัฒนการของ เปเป้ ในอนาคต

ดูเหมือนการพูดกระตุ้นของ อาร์เตต้า จะได้ผล เพราะในเกมนี้ ปีกทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ โชว์ของตั้งแต่ 8 นาทีแรกเมื่อจัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างสุดยอด ยังไม่หมดแค่นั้น เปเป้ สร้างโอกาสให้กับ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง ได้ซัดประตูด้วย แต่น่าเสียดายที่หัวหอกกาบองกระโดดวอลเลย์แบบไม่จับเหินคานออกไป
นอกจากนี้ เปเป้ ยังโชว์ทักษะการยิงไกลที่สุดเฉียบคมและบอลหนีมือ ดาบิด เด เคอา ไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่ดันไปกระแทกเสา อย่างไรก็ตามในจังหวะได้ลูกเตะมุม เปเป้ เปิดบอลไปเสาแรกให้ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ โหม่งเช็ดไปโดน เด เคอา เซฟก่อนบอลไปชนตัว วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ตั้งบอลให้ โซคราติส ซ้ำเข้าไปไม่เหลือซาก

หลังจากนั้นในครึ่งหลัง เปเป้ ก็ยังคงเล่นได้อย่างโดดเด่น แต่สุดท้าย อาร์เตต้า ตัดสินใจเปลี่ยนแท็คติกด้วยการส่ง รีสส์ เนลเซ่น ลงมาแทนในนาทีที่ 62 ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเกม “ปืนใหญ่” มากนัก สุดท้ายจบเกม อาร์เซน่อล เก็บ 3 คะแนนสำคัญได้อย่างสุดยอด
2. ไม่มี ป็อกบา ยิ่งอาการหนัก

สาวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาดหวังว่า ปอล ป็อกบา จะกลับมาลงเล่นตัวจริงในเกมสำคัญที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หลังจากที่นักเตะพลาดลงเล่นในแมตช์ชนะ เบิร์นลี่ย์ อย่างไรก็ตามความปรารถนาเป็นหมันเพราะนักเตะไม่สามารถลงสนามในแมตช์นี้ได้
ส่วนสาเหตุที่ ป็อกบา ไม่สามารถลงเล่นได้นั้น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ออกโรงยืนยันว่าเป็นเพราะนักเตะกลับมาเจ็บที่ข้อเท้าอีกรอบ และจะพลาดลงสนามอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ แม้ก่อนหน้านี้การไม่มี ดาวเตะแชมป์โลก ทัพ “ผีแดง” ทำผลงานได้ดีเยี่ยม แต่การขาดเขาในแมตช์เยือน อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นว่าทีมมีปัญหาในแดนกลาง

แม้ เฟร็ด จะพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็ตาม แต่การมีคู่ขาแดนกลางอย่าง เนมานย่า มาติช ทำให้เขาไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ เพราะ ดาวเตะชาวเซอร์เบีย เล่นได้ช้าสุดๆ ทำให้การเชื่อมกมระหว่างทั้งสองคนไม่เข้ากันเลย และส่งผลต่อการเดินเกมรุก และการเล่นเกมรับ
แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้เล่นสร้างสรรค์เกม ที่คอยช่วยป้อนบอลให้กับ 3 แนวรุกอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ แดเนี่ยล เจมส์ ซึ่งในแมตช์นี้ไม่มีจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นเลย ฉะนั้น โซลชา ต้องคาดหวังให้ ป็อกบา กลับมาฟิตให้เร็วที่สุด หรือไม่อย่างนั้นก็ซื้อนักเตะใหม่ ในช่วงตลาดพ่อค้าแข้งเดือนม.ค. เป็นการด่วน
3. ระบบอาร์เตต้า เริ่มทำงาน

ในช่วงที่ เฟร็ดดี้ ลุงเบอร์ก รับหน้าเสื่อกุมบังเหียนชั่วคราว ยืนยันว่า โอบาเมยอง และ ลากาแซตต์ ไม่สามารถเล่นร่วมกันได้ แต่งานนี้ อาร์เตต้า ได้ค้นพบระบบการเล่นที่เหมาะสมที่จะทำให้ยอดแข้งทั้งสองคนสามารถลงสนามร่วมกันได้แล้ว
สำหรับประตูที่สองต้องชื่นชม ลากาแซตต์ ที่มีส่วนทำให้ทีมประตู ขณะที่ โอบาเมยอง ถูกขยับให้เป็นเล่นทางฝั่งซ้าย โดยหวังให้นักเตะใช้ความสามารถในการเลี้ยงตัดเข้าใน และได้ผลสุดๆ แถมในการดวลกับ อารอน วาน-บิสซาก้า ที่ได้รับคำชมว่าเล่นเกมรับได้เหนียวแน่น หัวหอกกาบอง เล่นงานอยู่หมัด

นอกจากนี้ เซอัด โคลาซินัช ก็ถือว่าทำผลงานได้อย่างสุดยอดเล่นกัน เมื่อจัดการเปิดเกมรุกที่ได้ชื่อว่าเร็วกว่านรกได้อยู่หมัด โดยในช่วงแรกอาจจะโดน แดเนี่ยล เจมส์ ปั่นป่วนอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้น เจ้าหนูเลือดเวลส์ ก็โดนความใหญ่ของดาวเตะเลือดบอสเนีย จัดการจนอยู่หมัด
แน่นอนว่า โอบาเมยอง อยากลงเล่นในฐานะกองหน้าเป้า แต่การที่ อาร์เตต้า ขยับเขาออกไปเล่นทางกราบซ้ายถือว่านักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ไม่แน่ว่าในแมตช์หน้า อดีตดาวยิง “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อาจจะได้เล่นแบบเกมนี้ก็ได้
4. เอมิเรตส์ กลับมาครึกครื้น

มิเกล อาร์เตต้า มีความต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเตะอาร์เซน่อล กับสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” ให้กลับมาแน่นแฟ้นกันเหมือนสมัยเก่าก่อน ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้พวกเขาจะต้องทำผลงานให้สุดยอดเหมือนกับที่แสดงให้เห็นในเกมชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด
แน่นอนว่าแฟนบอล “ปืนใหญ่” อยากเห็นทีมรักกลับมาเล่นสไตล์รวดเร็ว, เน้นเกมรุก และสิ่งเหล่านั้นพวกเขาได้เห็นกันแล้วในเกมรับมือกับทัพ “ปีศาจแดง” ฉะนั้นด้วยฟอร์มสุดยอดแบบนี้ทำให้บรรยากาศในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง

แม้ว่าจะเป็นแค่เกมแรกของปี 2020 ก็ตาม แต่นี่ถือเป็นค่ำคืนที่สำคัญมากๆ เพราะการได้ชัยชนะเหนือสโมสรที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ต่อกรแย่งความสำคัญในวงการลูกหนังเมืองผู้ดีมานานหลายสิบปี เป็นเหมือนขวัญกำลังใจสำหรับการสู้ในเกมอื่นๆ ที่เหลืออยู่ในฤดูกาลนี้
5. สถิติน่าสนใจ

– อาร์เซน่อล ยุติสถิติเล่นในบ้านโดยไม่ชนะจากทุกรายการได้แล้วเป็นเกมแรกนับตั้งแต่ที่ชนะ วิคตอเรีย กิมาไรส์ ในเกมยูโรปา ลีก เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
– แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ 4 จาก 5 เกมที่ผ่านมาในการเล่นแมตช์เยือนพรีเมียร์ลีก ที่พบกับ อาร์เซน่อล (ชนะ 1)

– อาร์เซน่อล ไม่แพ้กับการเล่นในบ้าน 11 เกมหลังสุดในเกมลีกสูงสุดช่วงปีใหม่ (ชนะ 9 เสมอ 2) โดยชนะ 7 แมตช์หลังสุดติดต่อกัน
– นิโคลัส เปเป้ ยิง 5 ประตูให้กับ อาร์เซน่อล ในลอนดอนจากการลงเล่นทุกรายการ โดย 4 ประตูที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และ 1 ประตูในลอนดอน สเตเดี้ยม
– อาร์เซน่อล ยิงได้ 8 ประตูจากการเล่นลูกเตะมุมในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ มากกว่าทีมอื่นๆ 2 ประตู